ซึ่งเรื่องราวของการเดินทางในตอนนี้ ผมจะเดินทางกลับออกจากเกาะลันตาใหญ่ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวของเกาะลันตา เพราะบนเกาะมีทั้งที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร บริษัทเรือนำเที่ยวดำน้ำชมปะการัง ไว้คอยรองรับและบริการนักท่องเที่ยวอยู่เกือบรอบเกาะ เพื่อที่จะข้ามสะพานสิริลันตากลับไปสำรวจเกาะลันตาน้อยซึ่งเป็นเกาะที่มีพี่น้องชาวมุสลิมพักอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่โดยจะยึดการทำสวนยางพาราและทำการประมงเป็นอาชีพหลัก
เรียกได้ว่ามาเที่ยวเกาะลันตาเพียงครั้งเดียวคุณจะได้หลากหลายอรรถรส ทั้งได้พักผ่อนหย่อนใจกับธรรมชาติกับชายหาดสวยๆน้ำทะเลใสๆ และยังได้สัมผัสกับวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวเกาะ สมกับชื่อเดิมของเกาะคือ"ลานตา"ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อเกาะลันตาจนถึงปัจจุบัน
แวะเที่ยวแถวท่าเรือทัวร์ก่อนเดินทางกลับครับ

บริเวณท่าเรือทัวร์ครับ มีหมู่บ้านของชาวอูรักลาโว้ยตั้งอยู่ใกล้ๆท่าเรือ


อูรักลาโว้ย (Orang Laut) เป็นชาวเลกลุ่มใหญ่ที่มีถิ่นฐานบนเกาะสิเหร่ และที่หาดราไวย์ บ้านสะปำ จังหวัดภูเก็ต จนถึงทางใต้ของเกาะพีพีดอนเกาะจำ เกาะลันตาใหญ่ จังหวัดกระบี่, เกาะอาดัง เกาะหลีเป๊ะ เกาะราวี จังหวัดสตูล และบางส่วนอยู่ที่เกาะลิบง จังหวัดตรัง นอกจากนี้ยังอาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันตกของประเทศมาเลเซีย ชาวเลกลุ่มอูรักลาโว้ยมีภาษาที่แตกต่างกับกลุ่มมอแกนและมอแกลน แม้จัดอยู่ในตระกูลออสโตรนีเชียน เช่นเดียวกัน พิธีกรรมสำคัญของอูรังลาโว้ยคือ การลอยเรือ "ปลาจั๊ก" เพื่อกำจัดเคราะห์ร้ายออกไปจากชุมชน ในปัจจุบัน ชาวเลกลุ่มอูรังลาโว้ยตั้งถิ่นฐานอย่างถาวร หันมาประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง รับจ้างทำสวน และอาชีพอื่น ๆ ซึมซับวัฒนธรรมไทยมากขึ้น และเรียกขานตัวเองว่า ไทยใหม่
ขอขอบคุณข้อมูลของ"ชาวอูรักลาโว้ย"จากวิกิพีเดีย






ออกจากหมู่บ้านโต๊ะบาหลิวเดินทางต่อสู่สะพานสิริลันตาเพื่อข้ามกลับไปยังเกาะลันตาน้อย


ขอขอบคุณแผนที่เกาะลันตาจากhttps://sainaamlanta.com/th/information/koh-lanta-karta/koh-lanta-map/
เกาะลันตาน้อย

หลังจากข้ามสะพานสิริลันตามาสู่เกาะลันตาน้อยแล้วขี่รถลัดเลาะไปตามถนนหลักของเกาะจะพบชุมชนพี่น้องมุสลิมอยู่เป็นระยะสลับกับสวนยางพาราโดยสังเกตได้จากมัสยิดที่จะมีอยู่คู่กับแทบทุกชุมชนบนเกาะ ขี่รถชมบรรยายกาศบนเกาะแบบเพลินๆสักพักก็จะพบชุมชนเล็กๆที่ทำการประมงเป็นอาชีพหลักซึ่งจะเห็นได้จากอุปกรณ์ทำประมงที่ตั้งเรียงรายอยู่ในบ้านหลายๆหลัง

เลี้ยวรถแวะเก็บภาพบริเวณท่าเรือของชุมชน



หลังจากเก็บภาพบรรยากาศบนเกาะลันตาน้อยได้พอสมควรแล้วก็เตรียมตัวอำลากลับโดยใช้บริการแพขนานยนต์



จากเกาะลันตาน้อยใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะกลับถึงฝั่งที่ท่าเทียบแพขนานยนต์บ้านหัวหิน ขี่รถมุ่งหน้าสู่ทางหลวงหมายเลข4 เพื่อเดินทางต่อสู่อำเภอคลองท่อม

จุดหมายต่อไป น้ำตกร้อน สระมรกต

น้ำตกร้อน





"น้ำตกร้อน"มีที่มาจากตาน้ำร้อนที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินได้มาผสานกับสายนำ้ตกที่ไหลผ่านทำให้อุณหภูมิของน้ำสูงขึ้นและผสมกับแร่ธาตุที่มาจากน้ำใต้ดินทำให้ชาวบ้านที่นี้มีความเชื่อว่าการได้มาแช่น้ำตกจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยไข้ได้ และด้วยความที่น้ำตกร้อนได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเป็นอย่างมากจึงได้มีการสร้างบ่อสำหรับแช่น้ำร้อนเพิ่มเติมและดึงน้ำร้อนจากน้ำตกมาใช้เพื่อเป็นการรองรับและให้บริการแก่นักท่องเที่ยว

เดินทางต่อสู่ไฮไลท์ของวันนี้ สระมรกต(อันซีนไทยแลนด์จังหวัดกระบี่)
แวะเก็บภาพที่เที่ยวใหม่อยู่บริเวณทางเข้าสระมรกต




สระมรกต






บริเวณหน้าอาคารสำนักงานจะมีหุ่นปูนปั้นเป็น"นกแต้วแร้วท้องดำ"สัตว์ป่าสงวน 1 ใน 19 ชนิดของไทยซึ่งจะพบในพม่าและไทย ปัจจุบันพบได้ที่ เขานอจู้จี้ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม



อำลาสระมรกตแสนงามเดินทางกลับสู่ตัวอำเภอคลองท่อม
เลี้ยวรถไปทางจังหวัดตรังเพื่อมุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไป
ในทุกๆทริปที่เดินทางท่องเที่ยวโดยส่วนตัวผมตั้งใจไว้ว่าจะต้องได้ไปไหว้พระทำบุญอย่างน้อยสักหนึ่งวัดเพื่อที่จะได้เป็นสะพานบุญและเป็นศิริมงคลในการเดินทาง โดยทริปนี้วัดที่เป็นจุดหมายและเป็นที่เที่ยวสุดท้ายก่อนที่ผมจะเดินทางกลับคือ"วัดคลองท่อม และพิพิธภัณฑสถาน"
วัดคลองท่อม
พิพิธภัณฑสถานคลองท่อมตั้งอยู่ตัววัด

มาวัดครั้งนี้ได้ไหว้พระทำบุญตามที่ตั้งใจไว้ ได้ชมพิพิธภัณฑสถานคลองท่อมยลโบราณวัตถุทรงคุณค่าแล้ว ผมรู้สึกทั้งอิ่มบุญและสุขใจที่เราได้เกิดในเมืองไทย เมืองที่มีดีไม่มีใครเหมือนและเราก็ไม่เหมือนใคร เพราะเราเป็นประเทศที่มีทั้งวัฒนธรรมประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ เรามีภาษาประจำชาติของเราเอง อีกทั้งมีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องอาหารการกินและทรัพยากรแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย และที่สำคัญเรามีพระมหากษัตริย์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย "อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเหมือนอยู่บ้านเราประเทศไทย"

สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ค่าน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์ ไป/กลับ ตรัง-กระบี่(เกาะลันตา) (150x3วัน) =450 บาท
ค่าข้ามแพขนานยนต์เกาะลันตา (ไป/กลับ) (50x2เที่ยว) =100 บาท
ค่าเข้าอุทยานเกาะลันตา,น้ำตกร้อน,สระมรกต,พิพิธภัณฑสถานคลองท่อม(คน+รถมอเตอร์ไซค์) =400 บาท
ค่าที่พัก(200x2คืน) =400 บาท
อาหาร/น้ำดื่ม ตลอดการเดินทาง 3 วัน 2 คืน (150x7 มื้อ) =1,050 บาท
เบ็ดเตล็ด(200x3วัน) =600 บาท
รวมแล้วค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดการเดินทาง = 3,000 บาท
อ่านจบเก็บกระเป๋าแล้วลุยเลยครับลุง
ตอบลบขอขอบคุณที่ติดตามผลงานนะครับ ท่องเที่ยวครั้งใดขอให้เที่ยวสนุก สุขใจ เดินทางด้วยความปลอดภัยในทุกๆเส้นทางนะครับ
ตอบลบ