วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2562

นั่งรถไฟไปห้วยยาง กางเต้นท์นอนเล่นหาดนวกร (Day1)


  


   7.30 น.รถไฟเริ่มเคลื่อนที่ออกจากสถานีธนบุรี และเป็นการเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ของลุงแบ็คแพ็คด้วยครับ กับทริปอุทยานแห่งชาติหาดนวกร อำเภอห้วยยาง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์





   



ผมเลือกที่จะเดินทางช่วงวันธรรมดาครับ ผู้โดยสารเลยไม่มากนัก






มื้อสายๆกับก๊วยเตี๋ยวราชบุรีห่อละแค่ 10 บาทครับ ผมเลยจัดซะ 2 ห่อ



ลมเย็นๆแดดอ่อนๆผมเลยของีบหลับเป็นเพื่อนเด็กน้อยสักหน่อยครับ พอตื่นมาขึ้นอีกทีก็ถึงสถานีหัวหินแล้ว
 


 
มื้อเที่ยงข้าวกระเพราไก่ไข่ดาวกล่องละ 20 บาทกับส้มที่หยิบติดมือมาจากบ้าน 
   


   นั่งชมวิวปล่อยใจคิดอะไรเพลินๆจนเวลาบ่าย 2 โมงกว่าๆรถไฟก็เคลื่อนขบวนมาถึงยังจุดหมายของผมที่สถานีห้วยยาง






  
   หลังเก็บภาพสถานีรถไฟห้วยยางเสร็จผมได้สอบถามข้อมูลเส้นทางไปอุทยานหาดนวกรจากพี่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลสถานี เค้าแนะนำให้ใช้บริการรถรับจ้าง(มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง)ไปส่งที่อุทยานเพราะสะดวกที่สุดพร้อมให้เบอร์โทรศัพท์คุณลุงคนขับมาด้วย หลังรอไม่นานคุณลุงก็ขี่รถคันเก่งมารับที่หน้าสถานีรถไฟตามที่นัดหมายกันไว้



    ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาทีก็ถีงที่หมาย ค่ารถ 100 บาท(ผมนั่งรถมาคนเดียวและแวะซื้อของใช้ส่วนตัวระหว่างทางด้วย)

หาดนวกร

ที่ตั้งและแผนที่

สถานที่ติดต่อ : อุทยานแห่งชาติหาดวนกร หมู่ 7 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77130 

โทรศัพท์ : 063 142 1121

โทรสาร : 0 3251 0272

E-mail : wanakorn77130@hotmail.co.th
อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ

ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท

ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท

ร้านค้าสวัสดิการ (ร้านอาหาร) เปิดบริการทุกวันเวลา 08.00 น. - 17.00 น.

สัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่

บริเวณทีทำการอุทยานแห่งชาติ : AIS, TRUE, DTAC

   อุทยานแห่งชาติหาดวนกร มีที่ทำการอยู่ริมทะเลห่างจากตัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ประมาณ 22 กิโลเมตร ระหว่างกิโลเมตรที่ 345 - 346 ถนนเพชรเกษม แยกจากถนนเพชรเกษม ตามถนนลาดยางเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร มีทางรถไฟสายใต้ผ่านตอนกลาง ของพื้นที่มีอาณาเขตรับผิดชอบทั้งบนบกและในทะเล ดังนี้ 

ทิศเหนือ ติดที่ดินกรรมสิทธ์บ้านวังด้วน และค่าย ตชด. 
ทิศใต้ จดห้วยคอกม้า และสถานีฝึกนิสิตวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 
ทิศตะวันออก จดทะเลด้านอ่าวไทย 
ทิศตะวันตก จดถนนเพชรเกษม
ขอขอบคุณข้อมูลอุทยานแห่งชาติหาดวนกรจากhttp://park.dnp.go.th


   หลังจากจ่ายค่าเข้าอุทยานและค่าเช่าที่กางเต้นท์เรียบร้อย เดินต่อจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวไปหน่อยเดียวก็จะเจอร้านสวัสดิการของอุทยานที่จะฝากท้องมื้อเย็นนี้ของผม
  ลานกลางเต้นท์จะอยู่ไม่ไกลจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ร้านค้าสวัสดิการและห้องน้ำ(ในส่วนพื้นที่ของอุทยานมีความปลอดภัยค่อนข้างสูงเพราะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง)
 
 หลังกางเต้นท์เสร็จก็ได้เวลาของมื้อเย็นริมทะเลของผมแบบชิวๆฮะ
ไม่เหงาแล้วครับคืนนี้มีน้องหมาน้อยมาเป็นเพื่อนด้วย



ราตรีสวัสดิ์กับคืนวันพระจันทร์งาม










วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ลั้นลา ลันตา ลานตา 2562 (ตอนจบ) พร้อมสรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริป

   สวัสดีเพื่อนๆผู้มีใจ"รักเลเรา"ทุกท่านครับ ทริปเกาะลันตา จังหวัดกระบี่(ตอนจบ)มาแล้วครับ
ซึ่งเรื่องราวของการเดินทางในตอนนี้ ผมจะเดินทางกลับออกจากเกาะลันตาใหญ่ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวของเกาะลันตา เพราะบนเกาะมีทั้งที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร บริษัทเรือนำเที่ยวดำน้ำชมปะการัง ไว้คอยรองรับและบริการนักท่องเที่ยวอยู่เกือบรอบเกาะ เพื่อที่จะข้ามสะพานสิริลันตากลับไปสำรวจเกาะลันตาน้อยซึ่งเป็นเกาะที่มีพี่น้องชาวมุสลิมพักอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่โดยจะยึดการทำสวนยางพาราและทำการประมงเป็นอาชีพหลัก
   เรียกได้ว่ามาเที่ยวเกาะลันตาเพียงครั้งเดียวคุณจะได้หลากหลายอรรถรส ทั้งได้พักผ่อนหย่อนใจกับธรรมชาติกับชายหาดสวยๆน้ำทะเลใสๆ และยังได้สัมผัสกับวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวเกาะ สมกับชื่อเดิมของเกาะคือ"ลานตา"ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อเกาะลันตาจนถึงปัจจุบัน


แวะเที่ยวแถวท่าเรือทัวร์ก่อนเดินทางกลับครับ



บริเวณท่าเรือทัวร์ครับ มีหมู่บ้านของชาวอูรักลาโว้ยตั้งอยู่ใกล้ๆท่าเรือ

   อูรักลาโว้ย (Orang Laut) เป็นชาวเลกลุ่มใหญ่ที่มีถิ่นฐานบนเกาะสิเหร่ และที่หาดราไวย์ บ้านสะปำ จังหวัดภูเก็ต จนถึงทางใต้ของเกาะพีพีดอนเกาะจำ เกาะลันตาใหญ่ จังหวัดกระบี่, เกาะอาดัง เกาะหลีเป๊ะ เกาะราวี จังหวัดสตูล และบางส่วนอยู่ที่เกาะลิบง จังหวัดตรัง นอกจากนี้ยังอาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันตกของประเทศมาเลเซีย ชาวเลกลุ่มอูรักลาโว้ยมีภาษาที่แตกต่างกับกลุ่มมอแกนและมอแกลน แม้จัดอยู่ในตระกูลออสโตรนีเชียน เช่นเดียวกัน พิธีกรรมสำคัญของอูรังลาโว้ยคือ การลอยเรือ "ปลาจั๊ก" เพื่อกำจัดเคราะห์ร้ายออกไปจากชุมชน ในปัจจุบัน ชาวเลกลุ่มอูรังลาโว้ยตั้งถิ่นฐานอย่างถาวร หันมาประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง รับจ้างทำสวน และอาชีพอื่น ๆ ซึมซับวัฒนธรรมไทยมากขึ้น และเรียกขานตัวเองว่า ไทยใหม่
ขอขอบคุณข้อมูลของ"ชาวอูรักลาโว้ย"จากวิกิพีเดีย









ออกจากหมู่บ้านโต๊ะบาหลิวเดินทางต่อสู่สะพานสิริลันตาเพื่อข้ามกลับไปยังเกาะลันตาน้อย








ขอขอบคุณแผนที่เกาะลันตาจากhttps://sainaamlanta.com/th/information/koh-lanta-karta/koh-lanta-map/

เกาะลันตาน้อย 
   หลังจากข้ามสะพานสิริลันตามาสู่เกาะลันตาน้อยแล้วขี่รถลัดเลาะไปตามถนนหลักของเกาะจะพบชุมชนพี่น้องมุสลิมอยู่เป็นระยะสลับกับสวนยางพาราโดยสังเกตได้จากมัสยิดที่จะมีอยู่คู่กับแทบทุกชุมชนบนเกาะ ขี่รถชมบรรยายกาศบนเกาะแบบเพลินๆสักพักก็จะพบชุมชนเล็กๆที่ทำการประมงเป็นอาชีพหลักซึ่งจะเห็นได้จากอุปกรณ์ทำประมงที่ตั้งเรียงรายอยู่ในบ้านหลายๆหลัง 
เลี้ยวรถแวะเก็บภาพบริเวณท่าเรือของชุมชน








   หลังจากเก็บภาพบรรยากาศบนเกาะลันตาน้อยได้พอสมควรแล้วก็เตรียมตัวอำลากลับโดยใช้บริการแพขนานยนต์ 





  

  
   จากเกาะลันตาน้อยใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะกลับถึงฝั่งที่ท่าเทียบแพขนานยนต์บ้านหัวหิน ขี่รถมุ่งหน้าสู่ทางหลวงหมายเลข4 เพื่อเดินทางต่อสู่อำเภอคลองท่อม

จุดหมายต่อไป น้ำตกร้อน สระมรกต
   แวะเติมน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์คันเก่ง ทานอาหารเที่ยงที่ตัวอำเภอคลองท่อมก่อนจะเลี้ยวเข้าเส้นทางสู่ตัวน้ำตกร้อน สระมรกต




น้ำตกร้อน























  

"น้ำตกร้อน"มีที่มาจากตาน้ำร้อนที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินได้มาผสานกับสายนำ้ตกที่ไหลผ่านทำให้อุณหภูมิของน้ำสูงขึ้นและผสมกับแร่ธาตุที่มาจากน้ำใต้ดินทำให้ชาวบ้านที่นี้มีความเชื่อว่าการได้มาแช่น้ำตกจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยไข้ได้ และด้วยความที่น้ำตกร้อนได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเป็นอย่างมากจึงได้มีการสร้างบ่อสำหรับแช่น้ำร้อนเพิ่มเติมและดึงน้ำร้อนจากน้ำตกมาใช้เพื่อเป็นการรองรับและให้บริการแก่นักท่องเที่ยว 
  




  

เดินทางต่อสู่ไฮไลท์ของวันนี้ สระมรกต(อันซีนไทยแลนด์จังหวัดกระบี่)


  
แวะเก็บภาพที่เที่ยวใหม่อยู่บริเวณทางเข้าสระมรกต








สระมรกต








 













   บริเวณหน้าอาคารสำนักงานจะมีหุ่นปูนปั้นเป็น"นกแต้วแร้วท้องดำ"สัตว์ป่าสงวน 1 ใน 19 ชนิดของไทยซึ่งจะพบในพม่าและไทย ปัจจุบันพบได้ที่ เขานอจู้จี้ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม







อำลาสระมรกตแสนงามเดินทางกลับสู่ตัวอำเภอคลองท่อม
เลี้ยวรถไปทางจังหวัดตรังเพื่อมุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไป

   ในทุกๆทริปที่เดินทางท่องเที่ยวโดยส่วนตัวผมตั้งใจไว้ว่าจะต้องได้ไปไหว้พระทำบุญอย่างน้อยสักหนึ่งวัดเพื่อที่จะได้เป็นสะพานบุญและเป็นศิริมงคลในการเดินทาง โดยทริปนี้วัดที่เป็นจุดหมายและเป็นที่เที่ยวสุดท้ายก่อนที่ผมจะเดินทางกลับคือ"วัดคลองท่อม และพิพิธภัณฑสถาน"

 วัดคลองท่อม




พิพิธภัณฑสถานคลองท่อมตั้งอยู่ตัววัด
























   มาวัดครั้งนี้ได้ไหว้พระทำบุญตามที่ตั้งใจไว้ ได้ชมพิพิธภัณฑสถานคลองท่อมยลโบราณวัตถุทรงคุณค่าแล้ว ผมรู้สึกทั้งอิ่มบุญและสุขใจที่เราได้เกิดในเมืองไทย เมืองที่มีดีไม่มีใครเหมือนและเราก็ไม่เหมือนใคร เพราะเราเป็นประเทศที่มีทั้งวัฒนธรรมประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ เรามีภาษาประจำชาติของเราเอง อีกทั้งมีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องอาหารการกินและทรัพยากรแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย และที่สำคัญเรามีพระมหากษัตริย์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย "อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเหมือนอยู่บ้านเราประเทศไทย"


   ก่อนจะจบการเดินทางครั้งนี้ด้วยการขี่รถร้ายๆคันเก่งของผมกลับบ้านจังหวัดตรังด้วยระยะทางอีกกว่า100กิโลเมตรต้องขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างแรงนะครับที่ติดตามการเดินทางของลุงแบ็คแพ็คมาจนถึงช่วงท้ายสุดของการเดินทางในครั้งนี้หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ณ.ที่นี้ด้วย หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องราวของการเดินทางในทริปนี้จะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อยและเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวทะเลไทยให้อยู่ยั่งยืนคู่กับเมืองไทย คนไทยตลอดไป "รักเลเรา"

สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ค่าน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์ ไป/กลับ ตรัง-กระบี่(เกาะลันตา) (150x3วัน) =450 บาท
ค่าข้ามแพขนานยนต์เกาะลันตา (ไป/กลับ) (50x2เที่ยว) =100 บาท
ค่าเข้าอุทยานเกาะลันตา,น้ำตกร้อน,สระมรกต,พิพิธภัณฑสถานคลองท่อม(คน+รถมอเตอร์ไซค์) =400 บาท
ค่าที่พัก(200x2คืน) =400 บาท
อาหาร/น้ำดื่ม ตลอดการเดินทาง 3 วัน 2 คืน (150x7 มื้อ) =1,050 บาท
เบ็ดเตล็ด(200x3วัน) =600 บาท
รวมแล้วค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดการเดินทาง = 3,000 บาท









นั่งรถไฟไปห้วยยาง กางเต้นท์นอนเล่นหาดนวกร (Day2) พร้อมสรุปต่าใช้จ่าย

สวัสดีเช้าวันใหม่กับหาดนวกร    หลังเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วไปทานมื้อเช้ากันเลยครับที่ร้านอาหารขอ...